Journey Journal ท่องเที่ยว สัพเพเหระ

H a r d t i M E s

Journey Journal ท่องเที่ยว สัพเพเหระ - Hard tiMEs

ชีวิตไร้จุดหมายในลอนดอน

วันสุดท้ายของทริปอังกฤษ 2อาทิตย์ ช่วงวันหยุดสงกรานต์ ปี 2010 กำลังจะสิ้นสุดลง
    check out โรงแรมแล้วฝากกระเป๋าไว้ ตั้งใจว่าจะไปเที่ยวแล้วกลับมาเอากระเป๋าตอนเย็นเพื่อไปสนามบินกลับเที่ยวบินตอนดึก  เมื่อเราเดินผ่านสถานีวิคตอเรีย จึงมาถามเรื่องรถไปสนามบิน  
ถานีรถบัส ดูเหตุการณ์จะวุ่นวายมาก  เมื่อถามหารถไปสนามบินก็ไม่มี   ตอนนี้สิ่งที่เราเป็นห่วง มาถึงแล้ว  สายการบินต่างๆยกเลิกเที่ยวบินหมดแล้วจากเหตุการณ์ ภูเขาไฟระเบิดในไอซ์แลนด์   และไม่ทราบว่าจะสามารถบินได้เมื่อไร  เรารู้สึกถึงความเคล้งคว้าง แล้วเราจะทำยังไง!  จึงรีบกลับไปที่โรงแรมอีกครั้งแล้วบอกทางโรงแรมว่าเราจะขออยู่ต่อ  ความกังวล งุนงงเกิดขึ้นในความคิด   ค่าโรงแรมในลอนดอนคืนละ 5พันถึงหมืนบาท  แล้วจะต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหนนนน!
วันๆได้แต่ติดตามข่าวคราวเรื่องภูเขาไฟระเบิด จากข่าวทางทีวี ดูเหตุการณ์ไม่ได้ดีขึ้นเลยอาจจะแย่ลงด้วยซ้ำ เราเริ่มเป็นห่วงความเป็นอยู่ของเรา ถ้าต้องอยู่อย่างไม่มีกำหนดเช่นนี้คงต้องหาโรงแรมนอกเมืองราคาถูกหน่อยดีกว่ามั๊ย?   ในที่สุดเราก็ตัดสินใจเก็บกระเป๋าและจองโรงแรมนอกเมือง แบบต่อเนื่องเป็นอาทิตย์ คงต้องอยู่จนกว่าเหตุการณ์จะดีขึ้น
     ความรู้สึกในวันนี้เหมือน ติดเกาะผจญภัยในต่างแดน ไม่สามารถรู้กำหนดจุดหมายเวลาอะไรเลย  ต้องติดตามและตื่นตัวกับข่าวคราวการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา  งุนงงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่!  ซิ่งก่อนหน้านี้เราเจอรถไฟกลับจาก Edinburgh มา London ที่ต้องหยุดชะงักสองชั่วโมงกว่า   และเหตุฉุกเฉินต้องรีบออกจากตึกพิพิธภัณฑ์วิยาศาสตร์อย่างกระทันหัน  และตอนนี้สายการบินระงับเที่ยวบินอย่างไม่มีกำหนด  จะมีปัญหาอะไรมากกว่านี้อีกมั๊ย?  เริ่มสงสัย  แต่เราก็พยายามปลอบใจตัวเองด้วยการมองบวกคิดเสียว่าเป็นประสบการณ์ในการเผชิญกับปัญหา....
เราย้ายที่พักจาก โรงแรมในเมืองซึ่งอยู่โซน 1 ออกมาอยู่โรงแรมราคาประหยัดนอกเมืองในโซน 4   สภาพโรงแรมพอใช้ได้ ไม่ได้แตกต่างอย่างไรจากโรงแรมในเมือง  สิ่งที่แตกต่างคือ ราคา ทำเลที่ตั้งและสภาพแวดล้อม  ซึ่งย่านนี้แทบจะไม่เห็นคนอังกฤษแท้ๆเลย  มีตั้แแต่คนอินเดีย โปแลนด์ อิยิปต์ และอีกหลากหลายเชื้อชาติ  การเดินทางก็จะลำบากหน่อยเพราะต้องนั่ง Tube เกือบชั่วโมงเพื่อจะเข้าโซน 1     แต่ใกล้สนามบิน ซึ่งอยู่โซน5 และสะดวกกว่าเวลาจะเดินทางกลับ
blog:Jinna.kaan.blogspot.com ภาพ hard times
ป้ายน่ารักหน้าห้องพัก  & ป้ายประกาศยกเลิกเที่ยวบินและปิดน่านฟ้า ที่ติดทั่วสถานีรถไฟในลอนดอน
     ตอนนี้ตามสถานีรถไฟต่างๆ ก็จะมีป้ายประกาศการยกเลิกเที่ยวบินเกือบทุกสถานีใหญ่ ๆ พร้อมกับมีการประกาศเป็นระยะ ๆ ทั้งที่สถานีและในรถไฟใต้ดิน    พอเราย้ายโรงแรมเรียบร้อยก็ออกไปที่การบินไทยแถว Bond Street เพื่อดูเหตุการณ์ว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่ก็ดูไม่มีความหวังเลย เพราะทุกอย่างขึ้นกับทาง Air Traffic Control Service ซึ่งต้องตรวจสอบเหตุการณ์รายวัน ว่าจะสามารถเปิดน่านฟ้าได้เมื่อไร   แล้วก็ต้องดูว่าจะแบ่งให้แต่ละสายการบินอย่างไร  จากนั้นคนที่ติดค้างก็ต้องมาเรียงลำดับกันใหม่ตาม Piority    การบินไทยไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงวันเดินทางอะไรจากระบบให้เราได้  สรุปแล้ววันนั้นเราไม่ได้อะไรจากการไปติดต่อการบินไทยเลยนอกจากแค่เห็นปริมาณของคนที่เดือดร้อนไปออกันที่นั่นแค่นั้นเอง  ดูชีวิตไร้จุดหมายจริงๆ
เวลาผ่านไปอีก 5วัน นั่งๆ..นอนๆ...เช็คเมล์ทำงานบ้าง ใช้ชีวิต Chill บ้าง ดูทีวีไปเรื่อยๆ วันๆ ดูแต่ข่าวภูเขาไฟระเบิดกับข่าวเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ จนเกือบจะสามารถไปเลือกตั้งกับคนอังกฤษได้แล้ว


วันแห่งการรอคอย...  สนามบินเปิดน่านฟ้าวันแรก...
     ยังไม่ได้ข่าวคราวเที่ยวบินเราเพิ่มเติมเลย    แต่มีออกข่าวทางบีบีซีเรื่องจะเริ่มเปิดน่านฟ้าใหม่อีกครั้ง ในขณะที่เหตุการณ์เรื่องเถ้าถ่านในไอซ์แลนด์ก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าไรนัก  เพียงแค่ว่าการปิดน่านฟ้ามันสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมากเกินความจำเป็น 
เราไปติดตามข่าวคราวที่การบินไทยอีกครั้ง ได้เที่ยวบินมาวันที่ 27  โห้!อีกตั้ง 5 วันเชียว?   แต่ทางการบินไทยแจ้งว่าทุกอย่างจะชัดเจนขึ้น หลังจากวันที่ 22 ที่จะมีการบินเที่ยวบินแรก เพราะตอนนี้ส่วนใหญ่มีการจองไว้ซ้อนกัน   และบางครั้งการไป stand by ที่สนามบินก็อาจมีโอกาสได้ที่นั่งก็ได้  เราตัดสินใจกลับโรงแรมเตรียมแพคกระเป๋าไปสนามบินพรุ่งนี้เช้า  โดยจะไป Stand by ทั้งเที่ยวเช้าและเที่ยวเย็น คิดว่าคงน่าจะมีโอกาสบ้าง 
     22 เม.ย เรารีบไปสนามบินแต่เช้าทั้งๆที่เที่ยวบินคือเที่ยงเพราะทางการบินไทยบอกว่า Stand by ก็ยังมีคิวด้วย หากไปเช้าจะได้เป็นคิวแรกๆ อาจมีโอกาสมากกว่า  เมื่อถึงสนามบินก็อึ้ง!  มีเจ้าหน้าที่ยืนขอดูเอกสารตั๋วตั้งแต่ทางเข้าเลย คือหากใครยังไม่มีตั๋ว Confirm ก็จะไม่ให้เข้าอาคารเลย ถ้าจะมา Stand by ถูกกันให้ยืนรอข้างนอก ไม่ให้เข้าอาคาร  อ้าวแล้วไหนบอกว่ามีคิว Stand byไง?   เจ้าหน้าที่ที่กันไม่ให้คนเข้าอาคารก็เป็นเจ้าหน้าที่ของสนามบินซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสายการบินเลย แล้วอย่างนี้จะมีความหมายอะไรละ   เราจึงต้องหาทางเข้าอาคารผู้โดยสารโดยทางประตูอื่น แล้วค่อยเดินย้อนมาที่เคาร์เตอร์การบินไทย  และก็ไม่แตกต่างเจ้าหน้าที่ก็ไม่ทำอะไรให้นอกจากบอกให้รอ... รอจนกว่าจะมีที่นั่งเหลือ ไม่ได้มีคิวเช่นเดิม เพียงแต่รอด้านในอย่างน้อยก็ยังเห็นเหตุการณ์บ้าง  เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงไม่มีอะไรเกิดขึ้น  
ใกล้เวลาเที่ยวบินแล้ว คงหมดโอกาสแน่ๆ เพราะที่นั่งเหลือแค่ที่เดียวในขณะที่มีคนรอ Stand by เป็นสิบๆ  และก็ไม่ได้มีคิวอะไร  แย่งกันราวกับมีการแจกของงานเทกระจาดงั้นแหล่ะ...    
เจ้าหน้าที่ปิดกั้นทางเข้าทุกประตูทางเข้าขาออก
ราติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอที่นั่งเที่ยวบินอีกครั้ง  ซึ่งได้เป็น waiting list สำหรับพรุ่งนี้ เราพยายามขอความเห็นใจว่าเราอยู่สนามบินมาทั้งวันแล้ว พรุ่งนี้ไม่อยากต้องมาใช้ชีวิตอยู่แต่ในสนามบินอีก เจ้าหน้าที่ก็ให้ความหวังเราว่าน่าจะได้กลับ  เพราะพรุ่งนี้ถ้าพลาดเที่ยวบินตอนเที่ยง จะมีเที่ยวบินพิเศษเพิ่มเติมตอนเย็น แต่เค้าไม่สามารถทำจองเที่ยวบินพิเศษนี้ได้เพราะตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการติดต่อ 
ลาก่อนอังกฤษ...  ความทรงจำที่ไม่มีวันลืม...

     วันศุกร์สุดสัปดาห์และวันสุดท้ายของการอยู่อังกฤษ  เดินทางไปสนามบิน  ไปรอคิว waiting list   คิดว่าวันนี้น่าจะมีที่นั่งเหลือพอถึงเราบ้าง..แต่ก็ยังยากลำบากเช่นเคย หลังจากที่หมดหวังเที่ยวแล้วเที่ยวเล่า  จึงพยายามคุยกับเจ้าหน้าที่ให้ทำจองยืนยันที่นั่งสำหรับเที่ยวบินพิเศษ 9179 ตอน 15.30 ดีกว่า  จะได้ไม่ต้องไปรอที่นั่ง waiting list ของเที่ยวบินถัดไปตอนเที่ยง   ไม่อยากแย่งขึ้นเครื่องบินราวกับเป็นผู้อพยพอีก
จะได้กลับบ้านแล้ว.. แต่ก็ยังอดห่วงไม่ได้ว่าเที่ยวบินพิเศษคงไม่มีปัญหานะ?...      จนใกล้เที่ยงเราก็ไปรอเช็คตั๋ว   และแล้วเราก็ได้ Boarding Pass มาเรียบร้อย แต่ Boarding Time เป็น 18.50 แทนพร้อมกับได้รับการแจ้งว่า due to operational reasons and slot restrictions TG 9179 will now depart at 19.30 hrs. และก็มี complimentary meal voucher มาปลอบใจแก้งง.... เอาเถอะ อยู่สนามบินหาทางกลับบ้านมาสองวันแล้ว  นั่งรออีกสักวันเรื่องจิ๊บ.จิ๊บ..อยู่แล้ว  เราเช็ค Immigration เข้าไปนั่งหาอะไรกินสองมื้อก็แล้ว...   ยังไม่มีวี่แววว่าเครื่องบินจะมาจอด Gate ไหนเลย    เวลาผ่านไป..และผ่านไป...     และก็ได้ไปนั่งรอต่อที่ Gate 
เครื่องบินเที่ยวพิเศษที่รอคอยทั้งวัน  เพื่อนำผู้โดยสารที่ตกค้างกลับมา
     เย้!  ลำนี้แหละที่เรารอคอยมาทั้งวัน  จนกระทั่งสามทุ่มเศษก็ได้บินกลับบ้านเสียที...  สามอาทิตย์กับชีวิตในอังกฤษ   เหลือไว้แต่ความทรงจำที่ดีบ้าง.. ประทับใจบ้าง.. โหดร้ายบ้าง..   แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ยากจะได้พบ หรือลืมเลือน....   ส่วนความยาก ลำบากและความวุ่นวายของชีวิต ที่วนเวียนอยู่ในสนามบินก็คงต้องคิดอย่างที่ทางการบินว่า…. The Volcanic Ash situation which has caused this disruption was beyond our control.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น